ขนมหวาน

j_3

เมนูกล้วย หักมุกทำอะไรได้บ้าง ? ส่วนใหญ่คงคุ้นเคยกับกล้วยหักมุกฉาบ กล้วยหักมุกอบ หรือกล้วยหักมุกบวชชี ลองเปลี่ยนสไตล์จับมาเชื่อมดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำกล้วยหักมุกเชื่อม จับกล้วยสุกเล็กน้อยไปหั่นชิ้นแล้วแช่น้ำปูนใสเพื่อให้เวลาเชื่อมออกมาไม่เนื้อไม่เละ และเวลาเชื่อมต้องหมั่นช้อนฟองออกเพื่อให้ผิวกล้วยไม่ดำไม่คล้ำ ถ้าเชื่อมจนนิ่มตามชอบก็ตักเสิร์ฟกับกะทิได้เลยจ้า

ส่วนผสม กล้วยหักมุกเชื่อม

• กล้วยหักมุก 1 หวี (เลือกแบบสุกเล็กน้อย)
• น้ำปูนใส (สำหรับแช่กล้วย)
• น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
• น้ำตาลทรายขาว 100 กรัม
• น้ำเปล่า 1 ถ้วย
• เกลือป่นตามชอบ
• ใบเตย (มัดรวมกัน) 4 ใบ
• หัวกะทิ (สำหรับราดกล้วย)
• น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำกล้วยหักมุกเชื่อม

1. ล้างกล้วยทั้งเปลือกให้สะอาด ปอกเปลือกออกแล้วหั่นเป็น 4 ชิ้น นำลงแช่ในน้ำปูนใส ประมาณ 1 ชั่วโมง เทใส่ในกระชอน ล้างผ่านน้ำก๊อกให้สะอาด
2. เตรียมหม้อเติมน้ำเปล่าและน้ำตาลทั้งสองชนิด คนจนน้ำตาลทรายละลาย ใส่เกลือป่นกับใบเตย ตามด้วยกล้วย
3. เปิดไฟเตา ใช้ไฟแรงให้น้ำเชื่อมเดือด จากนั้นค่อยลดไฟลงใช้ไฟกลาง เชื่อมต่ออีกประมาณ 1-2 ชั่วโมงหรือนิ่มตามชอบ ระหว่างเชื่อมกล้วยให้ช้อนฟองออก เพื่อให้กล้วยเชื่อมสวยงามไม่ดำ ใส่น้ำมะนาวเพื่อช่วยให้น้ำตาลไม่ตกผลึก ตักใส่ภาชนะ ราดกะทิ จัดเสิร์ฟ

     จัดเลยกับเมนูกล้วยหักมุกเชื่อม บอกเลยว่าวิธีเชื่อมกล้วยไม่ยากแค่มีทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องทำตามเท่านั้น ใครจะราดกะทิหรือไม่ราดกะทิก็ตามชอบ หรือใครจะโปะน้ำแข็งไสแล้วราดกะทิหรือราดน้ำหวานก็อร่อยไปอีกแบบนะคะ

อาหารทะเล

cropped-e0b8a3e0b8b9e0b89be0b8ade0b8b2e0b8abe0b8b2e0b8a31.jpg

ซีฟู้ดอาหารมากคุณค่า (Momypedia)
โดย มัณฑนา

อาหารทะเลหรือที่นิยมเรียกกันติดปากว่า “ซีฟู้ด” ที่รวมเอาของอร่อยจากท้องทะเลหลากชนิด ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอย ปู ปลา และปลาหมึก ซึ่งหลายคนหลงใหลติดใจในรสชาติกันอย่างถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว อ๊ะ อ๊ะ…อย่าเพิ่งดูถูกคิดว่า ซีฟู้ดมีความอร่อยเป็นอาวุธเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าจะว่าไปแล้วคุณค่าและประโยชน์ซึ่งซุกซ่อนอยู่ในตัวนี่ต่างหากที่เป็นไม้เด็ดทำเอาใครต่อใครติดใจหลงรักเข้าเต็มเปา

อาหารทะเลนอกจากจะเป็นโปรตีนชั้นดีแล้ว ยังมีความพิเศษตรงที่มีแร่ธาตุสำคัญอย่าง ไอโอดีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก รวมถึงวิตามินบี 1 ,บี 2 และบี 6 อีกด้วย

 เนื้อปลา

เป็นพระเอกในหมู่อาหารทะเลทั้งมวล เนื่องจากเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย ไขมันต่ำ ไร้คาร์โบโฮเดรต แถมมากวิตามินและแร่ธาตุ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อปลานุ่ม ๆ หรือปลาเล็กปลาน้อยกรุบกรอบ ล้วนเหมาะกับคนทุกเพศวัย เลือกอร่อยกันได้อย่างสบายใจเลยล่ะค่ะ

 กุ้ง

กุ้งสด กินแล้วให้โปรตีน แร่ธาตุ และคาร์โบไฮเดรต บำรุงร่างกายสดชื่นให้แข็งแรง แต่ถ้าเป็นกุ้งฝอยหรือกุ้งแห้งที่กินได้ทั้งตัวพร้อมเปลือก จะยิ่งอุดมไปด้วยแคลเซียมที่ช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแกร่ง เหมาะกับว่าที่คุณแม่ รวมถึงสาวน้อยสาวใหญ่ที่กลัวโรคกระดูกพรุนถามหาเป็นอันมาก

 ปลาหมึก

เป็นแหล่งโปรตีนมีแร่ธาตุไม่น้อยเช่นกัน แต่ด้วยความที่เนื้อขาวๆ ของปลาหมึกมีคาร์โบไฮเดรตและคอเลสเตอรอลอยู่ กินบ่อยๆ คงไม่ไหว แค่อาทิตย์ละ 1-2 ครั้งพอให้หายคิดถึง น่าจะกำลังดีจ้ะ

 ปู-หอย

ในเนื้อปูเนื้อหอยมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก รวมไปถึงวิตามินที่มีประโยชน์ ทว่าคาร์โบโฮเดรตที่มีอยู่ร้อยละ 2 ในตัวอาจเป็นอุปสรรคทำให้ตามใจปากกินมากๆ ไม่ได้ เผลอใจกินเข้าไปเยอะน้ำหนักขึ้นอ้วนได้ง่ายๆ เลยเชียวนะ

สิ่งสำคัญที่จะลืมไม่ได้เมื่อกินอาหารทะเล คือ ความสดและความสะอาด ยิ่งสดยิ่งอร่อย ยิ่งสะอาดยิ่งปลอดภัย อย่าลืมซิคะว่าอาหารทะเลมักจะมีแบคทีเรียปนเปื้อนมากับผิว เปลือก หรือกระดองได้ เพื่อความมั่นใจไม่อยากเสี่ยงกับอาการท้องร่วง คลื่นไส้อาเจียน มีไข้ต่ำๆ เพราะอาหารทะเลทำพิษแล้วละก็ ต้องล้างผิว แปรงเปลือกหรือกระดอง ให้สะอาดก่อนเพื่อขจัดแบคทีเรียที่มีอยู่ไปส่วนหนึ่ง

ส่วนกุ้งถ้าจะเก็บให้เด็ดหัวทิ้งก่อนแช่แข็งจะช่วยลดแบคทีเรียไปได้ถึงเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว คราวนี้คุณก็จะอร่อยกับซีฟู้ดจานโปรดได้อย่างปลอดภัยแล้วล่ะคะ

 ไอโอดีน…สำคัญใช่ย่อย

ในอาหารทะเลมีไอโอดีนอยู่ถึง 54 ไมโครกรัมต่ออาหารที่กินได้ 100 กรัม ซีฟู้ดจึงเป็นแหล่งไอโอดีนที่สำคัญของทุกๆ คน แม้ว่าปริมาณแร่ธาตุที่ชื่อว่าไอโอดีนที่ร่างกายต้องการจะน้อยมาก แต่ถ้าเกิดขาดได้ไม่เพียงพอขึ้นมา ก็จะทำให้เกิดปัญหากับสุขภาพได้อย่างมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะทำให้เกิดโรคคอพอก สมองทำงานไม่ปกติ มีพัฒนาการและเรียนรู้ช้า หรือที่เรียกว่า “โรคเอ๋อ” และถ้าขณะอุ้มท้องอยู่แม่ได้รับไอโอดีนน้อยเกินไป ลูกในท้องก็ไม่ค่อยเติบโตและเสี่ยงกับการพิการ หูหนวก เป็นใบ้ ปัญญาทึบได้อีกด้วย

ฉะนั้นเพื่อสุขภาพที่ดีเราจึงควรทานอาหารทะเลอย่างน้อยอาทิตย์ 2-3 ครั้ง และใช้เกลือไอโอดีนในการปรุงอาหารเป็นประจำค่ะ

 

ประโยชน์จากการรับประทานอาหารทะเลสดๆ

ประโยชน์ที่ได้จากการไปเที่ยวทะเลและรับประทานอาหารทะเลนอกจากจะเพลิดเพลินมีความสุขกับกิจกรรมต่างๆบนชายหาดแล้ว ยังได้คุณค่าทางอาหารมากมายจากอาหารทะเลสดๆอีกด้วย ประโยชน์จากกุ้ง แม้ว่าหลายคนจะคิดว่ากุ้งมี โคเลสเตอรอลสูง แต่จริงๆแล้ว โคเลสเตอรอลที่พบในกุ้งนั้นเป็นโคเรสเตอรอลชนิดที่ดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย และกุ้งยังอุดมไปด้วย แร่ธาตุ โปรตีน และ คาร์โบไฮเดรต ซึ่งช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สดชื่น กระปรี้กระเปร่า และแคลเซียมที่อยู่ในเปลือกกุ้งยังสามารถช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงอีกด้วย ประโยชน์จากเนื้อปลา ในเนื้อปลาจะอุดมไปด้วยโปรตีน และกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยมีส่วนช่วยเสริมภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกาย ทำให้ไม่อ่อนเพลียง่าย ไม่แก่ก่อนวัย ผิวพรรณสดใสมีน้ำมีนวลอยู่เสมอ และเนื้อปลายังย่อยง่ายไขมันน้อยจึงทำให้ไม่อ้วน นอกจากนี้ในปลาทะเลยังมีสาร ดีเอชเอ (DHA) สูง ซึ่งสารนี้มีความจำเป็นต่อการพัฒนาระบบของสมอง ทำให้การทำงานระบบของสมองดีอีกด้วย ประโยชน์จากปลาหมึก ในปลาหมึกจะมีกรดไขมัน กลุ่มโอเมก้า 3 อยู่สูงมาก แม้ว่าปลาหมึกจะมีโคเลสเตอรอลสูง แต่โอเมก้า 3 ที่มีอยู่ในปลาหมึกนั้นจะไปช่วยต่อต้านไม่ให้ร่างกายมีโคเลสเตอรอลสูงขึ้นได้ และยังพบว่า คลอเลสเตอรอลที่มีอยู่ในปลาหมึกนั้นจะช่วยให้ผิวหนังแต่งตึง ใบหน้าไม่เหี่ยวย่นอีกด้วย ประโยชน์จากปูและหอย ในเนื้อปูและหอยจะมี free amino acid 10 กว่าชนิด ที่สำคัญ ได้แก่ กรดกลูตามิก, Glycine,…

 

8 ประโยชน์ของอาหารทะเลที่คนรักซีฟู้ดจะต้องยิ้มกว้าง

8 ประโยชน์ของอาหารทะเลที่คนรักซีฟู้ดจะต้องยิ้มกว้าง

ทะเลเป็นแหล่งอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก คนทั่วโลกประมาณ 3.5 ล้านคนกินอาหารทะเลเป็นหลักในการดำรงชีวิต นอกจากนี้ซีฟู้ดหรืออาหารทะเลยังเป็นอาหารสุดโปรดของใครหลายๆ คน ซึ่งนอกเหนือจากความอร่อยแล้วอาหารทะเลยังมีประโยชน์อีกมากที่คุณอาจคาดไม่ถึงเลยล่ะค่ะ เรามาดูกันว่าประโยชน์ของอาหารทะเลมีอะไรบ้าง

  1. ลดการเกิดโรคหัวใจ การวิจัยพบว่าผู้ที่รับประทานอาหารทะเลเป็นประจำมีความเสี่ยงที่จะเกิดหัวใจวายน้อยลง ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบลงได้ถึง 20-50 % เมื่อเทียบกับคนที่ไม่รับประทานอาหารทะเล
  2. ช่วยเพิ่มความคล่องตัวของระบบไหลเวียนโลหิต อาหารทะเลมีคุณสมบัติในการละลายลิ่มเลือดที่เป็นความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจวาย ดังนั้นการรับประทานอาหารทะเลเป็นประจำจะช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้น
  3. ส่งเสริมการทำงานของสมอง การรับประทานอาหารทะเลอย่างสม่ำเสมอช่วยให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองทำงานได้ดี ทำให้เซลล์สมองได้รับสารอาหารไปหล่อเลี้ยงอย่างเต็มที่ จึงช่วยให้สมองทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  4. อาหารทะเลช่วยลดความหดหู่ ส่งเสริมให้มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ลดความผิดปกติของอารมณ์ไม่ว่าจะเป็นอาการวิตกกังวลหรือก้าวร้าวลงได้ คนจำนวนไม่น้อยทั่วโลกใช้อาหารทะเลในการรักษาสุขภาพจิตให้อยู่ในภาวะที่ปกติสุข
  5. บำรุงสายตา ช่วยให้การมองเห็นดีขึ้น เพราะในอาหารทะเลอุดมไปด้วยโอเมก้าสามที่มีส่วนช่วยในการรักษาสุขภาพดวงตาให้แข็งแรง ลดความผิดปกติของจอประสาทตา ช่วยบำรุงและปกป้องดวงตาให้ใช้งานได้ดีไปได้อีกนานๆ
  6. อาหารทะเลช่วยดูแลระบบภูมิคุ้มกันและช่วยรักษาอาการข้ออักเสบรูมาตอยด์ให้ดีขึ้น ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ลดการติดเชื้อและอาการเจ็บป่วยต่างๆ ทำให้มีสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้น
  7. อาหารทะเลถูกนำมาใช้เพื่อรักษาปัญหาทางคลินิกและรักษาโรคเบาหวานประเภท 2 ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดผลข้างเคียงของโรคลง
  8. ช่วยในการพัฒนาสมองของทารก เพราะกรดไขมันที่มีอยู่ในอาหารทะเลอุดมไปด้วยแมกนีเซียมและซีลีเนียมที่จำเป็นในการพัฒนาสมองของทารก

 

กุ้ง หอย ปู และปลาหมึกเป็นอาหารทะเลที่เพื่อนๆ หลายคนชื่นชอบ แต่ก็ไม่กล้ารับประทานบ่อย หรือบางคนงดกินไปเลยก็มี เนื่องจากได้รับคำบอกเล่าว่ามีผลทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ในขณะที่ปลาเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อว่าดีต่อสุขภาพ จึงเป็นที่นิยมรับประทานกันมากกว่า เพื่อนๆเคยสงสัยหรือไม่ว่าเรื่องเล่าหรือคำกล่าวอ้างต่างๆ ถึงอาหารทะเลนั้นเป็นจริงหรือไม่ และทำไมทั้งๆ ที่เพื่อนๆระวังการกินอาหารที่คอเลสเตอรอลสูงแล้ว แต่ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดก็ยังไม่ยอมลดลง ถ้าเป็นเช่นนั้นเราลองมาพิจารณาถึงเรื่องเล่าและคำกล่าวอ้างต่างๆ เกี่ยวกับอาหารทะเลกันไปทีละข้อเลยนะ 1.ควรหลีกเลี่ยงอาหารทะเลเพื่อลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด แม้ว่าปลาหมึก กุ้ง และหอยบางชนิด รวมถึงไข่ปลาหมึก ไข่กุ้ง และไข่ปูจะมีคอเลสเตอรอลสูง แต่จัดเป็นอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวต่ำ ซึ่งคอเลสเตอรอลจากอาหารทะเลและเนื้อสัตว์อื่ผลต่อระ